top of page

St George the Martyr



ปิดท้าย Landmark สุดท้ายบนถนน Borough High Street ด้วยโบสถ์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจในลอนดอน โบสถ์ St George the Martyr หนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาด โบสถ์แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ทางศาสนา แต่ยังเป็นศูนย์กลางของเหตุการณ์สำคัญและเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย​


📜 จากโบสถ์ยุคกลางสู่สถาปัตยกรรมจอร์เจียน


โบสถ์ St George the Martyr มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 900 ปี โดยมีการกล่าวถึงครั้งแรกในปี ค.ศ. 1122 เมื่อ Thomas de Ardern และบุตรชายได้มอบโบสถ์นี้ให้กับ Abbey of Bermondsey  ในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 โบสถ์ได้รับการบูรณะใหม่ และในปี ค.ศ. 1733 โบสถ์เก่าได้ถูกแทนที่ด้วยโครงสร้างใหม่ที่ออกแบบโดย John Price ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์จอร์เจียนที่เราเห็นในปัจจุบัน


🏰 จุดเชื่อมโยงกับวรรณกรรมของ Charles Dickens


โบสถ์แห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับนักเขียนชื่อดัง Charles Dickens อย่างใกล้ชิด เนื่องจากบิดาของเขาเคยถูกคุมขังในเรือนจำ Marshalsea ที่อยู่ใกล้เคียง  Dickens ได้ใช้โบสถ์นี้เป็นฉากในนวนิยายเรื่อง "Little Dorrit" โดยมีตัวละครหลัก Amy Dorrit หรือ "Little Dorrit" เกิดและเติบโตในเรือนจำ Marshalsea และมีความเกี่ยวข้องกับโบสถ์ St George the Martyr อย่างลึกซึ้ง


สถาปัตยกรรมและการบูรณะ


โบสถ์ปัจจุบันสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1734-1736 โดยใช้เงินทุนจากคณะกรรมการสร้างโบสถ์ห้าสิบแห่งในยุคควีนแอนน์ จำนวน £6,000  โครงสร้างเป็นอิฐแดงประดับด้วยหิน Portland มีหอระฆังและยอดแหลมที่โดดเด่น ภายในโบสถ์มีเพดานที่ออกแบบโดย Basil Champneys ในปี ค.ศ. 1897 และได้รับการบูรณะหลังจากความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่สอง


🌟 ปัจจุบัน โบสถ์ St George the Martyr ยังคงเป็นศูนย์กลางของชุมชนในย่าน Borough มีการจัดกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ โบสถ์ยังเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมและเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมของสถานที่แห่งนี้​


โบสถ์ St George the Martyr ไม่เพียงเป็นสถานที่ทางศาสนา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวรรณกรรมของลอนดอน หากคุณมีโอกาสได้เยือนลอนดอน การแวะชมโบสถ์แห่งนี้จะเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ





Comments


bottom of page